รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนโครงการจัดหาเรือกู้ภัยความเร็วสูง ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

              รัฐบาลญี่ปุ่นเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการจัดหาเรือกู้ภัยความเร็วสูง ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ หรือโครงการคุซะโนะเนะ โดยได้จัดพิธีลงนามความตกลงระหว่าง นายฮาราดะ มาซารุ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กับ นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่
 
              ตำบลแม่สามแลบ ตั้งอยู่สุดทิศตะวันตกของอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดกับชายแดนไทย-เมียนมาตามแนวแม่น้ำสาละวินเป็นระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร ร้อยละมากกว่า 90 ของพื้นที่อยู่ในเขตป่าไม้ สภาพถนนยังคงเป็นถนนลูกรังและเป็นทางภูเขาที่คดเคี้ยว ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและมีประชากรทั้งหมดราว 14,000 คน ใช้มอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์แบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นยานพาหนะในการเดินทาง ในเขตพื้นที่ตำบลนี้ไม่มีโรงพยาบาลที่มีหมอประจำอยู่ ถนนที่ไปสู่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดนั้น มีต้นทางอยู่ที่ภาคเหนือของตำบล ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางไปยังโรงพยาบาลประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์จากทางเหนือของตำบล ในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยฉุกเฉินเกิดขึ้นที่ทางใต้ของตำบล ต้องใช้เวลาเดินทาง 3 ถึง 5 ชั่วโมง เพื่อที่จะเข้าสู่ถนนเส้นหลักที่เริ่มต้นจากทางเหนือของตำบล ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยอาการหนักขึ้นระหว่างเดินทางด้วยรถยนต์ที่โยกไปโยกมา นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝน พื้นถนนที่เป็นทางลูกรังจะเปียกและลื่นทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบากและอันตราย ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีที่มีดินสไลด์ ต้นไม้ล้ม หรือถนนถูกตัดขาด ก็จะทำให้ไม่สามารถเดินทางได้อีกด้วย ดังนั้น การจัดเตรียมหนทางอื่นเพื่อรองรับการลำเลียงผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น จึงเป็นประเด็นสำคัญ ที่ตำบลแม่สามแลบสามารถใช้วิธีการเดินทางทางน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางทางบกได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดกับแม่น้ำสาละวิน มีท่าเรือตั้งอยู่ทางเหนือ 1 แห่ง และ ทางใต้อีก 1 แห่ง หากมีเรือกู้ภัยความเร็วสูงจะช่วยให้สามารถลำเลียงผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยจากพื้นที่ทางใต้ไปยังทางเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั่งการลำเลียงผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บท่ามกลางสายฝน ก็สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยมากกว่าทางบก ด้วยเหตุนี้ เรือกู้ภัยความเร็วสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอย่างมากเพื่อใช้ในการลำเลียงผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วย และยังช่วยลดระยะเวลาการเดินทางไปยังโรงพยาบาลให้น้อยลงได้อีกด้วย

              ในครั้งนี้ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนแก่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบเป็นงบประมาณมูลค่า 514,500 บาท เพื่อจัดหาเรือกู้ภัยความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าการสนับสนุนในครั้งนี้ จะช่วยให้สามารถนำส่งตัวผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยฉุกเฉินจากทางใต้ของตำบลไปยังโรงพยาบาลได้เร็วขึ้นประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อเทียบกับกรณีที่ใช้เส้นทางทางบกทั้งหมด
 
              รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงยินดีให้การสนับสนุนและช่วยเหลือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคผ่านโครงการคุซะโนะเนะต่อไป โดยขณะนี้ทางสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ได้เปิดรับสมัครโครงการคุซะโนะเนะ ประจำปีงบประมาณ (ญี่ปุ่น) พ.ศ. 2568 ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ด้านล่างและสามารถสมัครได้จนถึงวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568
https://www.chiangmai.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/oda.html